วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

My Book, My Inspiration II

ออกนอกบ้านหลายวันติดกันนี่ก็เหนื่อยเหมือนกันแฮะ วันก่อนตั้งใจนั่งรถไฟฟ้าไปดูหนังสือที่ร้านคิโนะคุนิยะ เล็งหนังสือสอนเขียนภาพด้วยปากกาลูกลื่นไว้เล่มนึง รู้ทั้งรู้นะว่าไม่เคยเอาดีทางด้านขีดๆ เขียนๆ กับใครเค้าได้ซักที แต่ก็อยากด๊าย อยากได้ ดูรูปแล้วมันอิ่มยังไงไม่รู้ ไม่ต้องกินข้าวก็ยังได้ ปรากฏว่าเล่มที่เล็งไว้อยู่ในกลุ่มหนังสือจัดรายการลดราคา มันก็เลยหมดซะนี่ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา สั่งจองหนังสือไว้ก่อน จะได้ของเดือนหน้า ในราคาเต็ม ฮือๆ เสียดายจัง ลดตั้ง 20 เปอร์เซ็นต์แหนะ ที่จริงมีอีกเล่มก็น่าสนใจ ลดราคาแล้วไม่ถึง 300 บาท แต่ต้องตัดใจรอเล่มที่ชอบดีกว่า

ไหนๆ ก็มาทั้งทีขอแวบไปดูหนังสืองานผ้าซักนิด เจอหนังสืองานผ้า หนังสือค่ายนี้เคยซื้อมาเล่มนึงแล้ว ทำหนังสือดี สวย แต่แพงชะมัด นี่ขนาดเล่มภาษาจีนนะเนี่ย ถ้าเล่มต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นจะแพงขนาดไหน


หน้าปกเรียบๆ ธรรมดาๆ แต่สีอุ่นๆ แบบนี้แหละที่ชอบ

เปิดเข้าไปดูในเล่ม มีงานผ้าทำปกหนังสือ กระเป๋า ปกไดอารี่ สไตล์การออกแบบคล้ายๆ เล่มเดิม หยิบแล้ววาง หยิบแล้ววางอยู่หลายรอบ ตัดใจไม่ได้  งั้น...กลับบ้านด้วยกันนะ

วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

สัปดาห์ก่อสร้างแห่งชาติ

หลังจากพยายามยื้ออยู่นานสองนาน พื้นห้องหลังบ้านของแม่ที่ปูปาเก้ไว้ได้แค่ปีกว่า มีอาการโก่งตัวขึ้นจากมุมด้านข้าง พี่ตั้วตัดแต่งชิ้นไม้ ใช้ตะปูตอกอัด สารพัดวิธี จนล่าสุดหน้าฝนปีนี้ พื้นไม้ปาเก้เริ่มขยายตัวโก่งมาถึงกลางห้อง จนลูกชายบอกว่าในห้องคุณยายมีภูเขาเขียวอยู่หนึ่งลูก ยืนล้างจานอยู่ในครัวก็ได้ยินเสียงปาเก้ระเบิดดังปั้ง โอ้ มาย กอด เสียตังค์อีกแล้วตรู หนนี้ไม้มันคงไม่ยุบตัวเองอีกแน่

จัดแจงเรียกช่างมาปูพื้นใหม่ ช่างบอกใช้เวลาแค่ 2 วันเสร็จ ระหว่างที่รื้อไม่กล้าไปเก็บภาพเอาไว้ ด้วยความเสียดายพื้นไม้ ไม่อยากจะถ่ายไว้ให้มันแสลงใจ ดูตอนที่เขาเริ่มปูเลยละกัน




บ้านขมมี่เละขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ดูไม่จืดเลย เอ้า ต่อไปเตรียมชมที่เสร็จแล้วกันนะคร๊า




ก็ยังเหลืองานทำสีผนังอีกนิดหน่อย เด็กๆ และยายก็จะเข้าไปกลิ้งในห้องนี้ได้แล้วจ้า เย้ๆ
พี่ตั้วแอบบอกเมื่อเช้านี้ว่า ถ้าทำเสร็จคราวนี้ อย่าลืมไปจุดธูปบอกเจ้าที่ด้วยนะว่าไม่มีตังค์เหลือแล้ว

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

อย่าเอาไปเลยนะ ขอร้อง

เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งจะมีข่าวเด็กถูกลักพาตัวไปเป็นขอทาน หนูน้อยที่ถูกจับไปอายุประมาณ 3 ขวบ พอๆ กับลูกสาวเราเลย น้องถูกจับไปแค่ 20 กว่าวัน โดนไอ้คนใจร้ายกรอกหูซะลืมชื่อตัวเองไปเลย ถ้าถูกจับไปนานกว่านี้อีกนิดอาจจะลืมหน้าพ่อแม่ไปเลยก็ได้ นั่งดูข่าวแล้วคุยกับคุณซะมีว่า นี่ถ้าลินตาถูกจับตัวไปจับแต่งเนื้อแต่งตัวมอมแมม ตากแดดตากลมแค่ 2-3 วัน อดข้าวอดหนม ลูกเราก็ผอมดำปิ๊ดปี๋แล้ว เป็นขอทานได้สบายๆ 

เย็นนั้นเดินไปซื้อของที่เซเว่นหน้าปากซอย พ่อจูงมือลูกสาว ส่วนแม่ขมมี่จูงมือลูกชาย มีคนมาทักน้องลินตาว่าน่ารัก 2-3 คน พ่อมันเหวอ กำมือลูกสาวซะแน่น กลับถึงบ้านเล่าให้ฟัง
กลัวลูกหายว่ะ


หน้าตาแบบนี้ ใครพบเห็นพลัดหลงไป ช่วยส่งคืนแม่ขมมี่ด้วยน๊า ถึงจะไม่น่ารักในสายตาของคนอื่น แต่แม่ขมมี่รักมากกกกกกกกก

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

My Book, My Inspiration I

มีภารกิจต้องไปส่งแม่ที่บ้านป้า เสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ไหนๆ ก็มาแถวนี้ทั้งทีนั่งรถต่อไป Central World ดีก่า มาถึงแล้ว มุ่งหน้าตรงดิ่งไปที่ร้านหนังสือในอิเซตัน ห้ามแวะที่ไหนทั้งสิ้น ทำเวลาสุดๆ จะได้มีเวลาเลือกหนังสือนานๆ

ใช้เวลาอยู่ในมุมหนังสืองานฝีมือสุดโปรดปรานนานถึง 2 ชั่วโมง เลือกแล้วเลือกอีก พลิกหน้าพลิกหลังจะเอาเล่มไหนดีน๊อ หนังสือตัดเสื้อเด็กก็อยากได้ ตัดชุดตุ๊กตาก็อยากได้ งานควิลท์ก็น่าสน งานถักก็สวย แต่เอาไว้ก่อนเถอะ ในที่สุดก็ได้หนังสืองานปักและหนังสือตัดเสื้อที่เล็งมานาน




ยังมีอีกหลายเล่มที่อยากได้ แต่ต้องตัดใจ ขอแค่ได้เปิดดูหนังสือก็มีความสุขแล้ว เต็มอิ่มมากๆ 
มีแรงบันดาลใจกลับมานั่งเย็บผ้าต่อไป ขยันเย็บหน่อยนะจ๊ะ แค่ 2 เล่มนี้ ก็หมดไปหลายตังค์แล้วนะขมมี่

วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

แอบฟังพ่อลูกเค้าคุยกัน

วันก่อนปล่อยพ่อกับลูกๆ นั่งดูทีวีกัน ได้ยินเสียงแว่วๆ คุยกัน....
ลินตาถามพ่อว่า คุณพ่อรู้มั๊ยคะว่า "ทงอี" เมื่อก่อนชื่ออะไร

พ่อตอบว่า ไม่รู้สิลูก
ลินตาเฉลยให้พ่อฟังว่า ตอนเด็กๆ ทงอีเค้าชื่อ ทงเอ โตขึ้นเป็นทงบี ทงซี ทงดี แล้วค่อยเป็นทงอี
ต่อไปถ้าเค้าแก่ เค้าจะเปลี่ยนชื่อเป็น "ทงโอ" ค่ะคุณพ่อ
คุณพ่อ !@!#$#%%$$#$%^$!!!

คุณแม่แอบคิดในใจ คิดได้ไงเนี่ย