วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

โก๊ะน้อยของแม่

อีกไม่กี่วัน น้องอะตอมก็จะมีอายุครบ 6 ขวบแล้ว ระยะนี้ไอ้เด็กหัวโตของแม่ขมมี่ ชอบวาดรูปมาก เมื่อก่อนเคยชอบวาดเล่นเรื่อยเปื่อย ขมมี่ก็จะซื้อสมุดวาดเขียน สันเป็นห่วงๆ มาให้เขาวาด กว่าอิแม่จะซื้อกระดาษวาดเขียนให้ลูกได้ ก็ต้องเดินเลือกอยู่นาน เทียบขนาดแล้วยังต้องนับกระดาษด้วยว่ามีกี่แผ่น เลือกมาในราคาเล่มละ 36 บาท เป็นเล่มที่คำนวณแล้วว่าคุ้มสุดๆ (ปัจจุบันขึ้นราคาเป็น 48 บาทแล้ว แง้ๆ) ซื้อมาให้อะตอมกับลินตาวาดรูปเล่น จะได้ไม่ฝักใฝ่กับทีวีมากนัก

สมัยที่อะตอมยังเล็กกว่านี้ ซักประมาณ 3-4 ขวบ คุณแม่ต้องทำใจอย่างแรง กระดาษแต่ละหน้าจะเต็มไปด้วยรูปภาพยึกยืออะไรไม่รู้ เต็มไปหมด บางหน้า เขียนเป็นวงกลม 2-3 วงแล้วก็เปิดหน้าใหม่ (ฮืมมม กระดาษแพงนะเว้ย เฮ้ย คุณลูก) แล้วอะตอมก็เลิกจับดินสอสีไปพักใหญ่ หันไปเอาดีทางแปลงร่างตามประสาเด็กชาย จู่ๆ น้องอะตอมก็กลับมาฮิตวาดรูปอีกครั้ง แรงบันดาลใจในการวาดภาพก็คงไม่พ้น เหล่าฮีโร่ สไปเดอร์แมน แบทแมน อุลตร้าแมน








สำหรับการ์ตูนตัวโปรดของเค้าเวลานี้ ได้แก่ สปอนจ์บ็อบและผองเพื่อน การ์ตูนทีวีที่กำลังติดงอมแงม อะตอมวาดทุกท่าทีมีแบบ บางทีก็วาดเองตามจินตนาการ จากป็องบ็อบ ก็อยากลองวาดการ์ตูนตัวอื่นดูมั่ง






เวลาลูกวาดภาพ บางทีเค้าก็จะขอความช่วยเหลือบ้าง ในส่วนที่เค้าวาดไม่ได้ อะตอมก็จะมาอ้อน แม่จ๋าคร๊าบ ช่วยวาด (โครง) ให้หน่อยคร๊าบ ทั้งๆ ที่ไม่อยากช่วยเลย อยากให้เป็นฝีมือของเค้าล้วนๆ แต่ก็ต้องช่วยบ้างอ่ะนะ อะตอมอยากให้คุณแม่วาดอุลตร้าแมนทำท่าอย่างงี้ๆ นะคร๊าบ แล้วเค้าก็ทำท่าให้ดู แม่ขมมี่ก็แกล้งให้ลูกทำท่านี้ค้างไว้ เห็นแล้วก็ขำ อดวาดให้ไม่ได้ บางครั้งวาดให้ก็ไม่ถูกใจ อะตอมบอกคุณแม่วาดท้องอ้วนเกินไป ขาใหญ่ไปมั่ง คุณแม่มีเคือง งั้นอะตอมก็วาดเองดิ อะตอมวาดสวยแล้ว สวยกว่าแม่วาดอีก จะมาให้แม่วาดให้ทำไม (เอ้าๆ แม่ลูกจะต่อยกันแล้ว)









ล่าสุด อะตอมมันมือ วาดนู่นนี่นั่น ตามแบบมาก็มากแล้ว อยากลองอะไรที่มันท้าทาย คราวนี้เลยเถิดไปถึงวาดรูปคน จับคุณยายมานั่งเป็นแบบ บอกคุณยายห้ามกระดุ๊กกระดิ๊กเปลี่ยนท่า



มันจะล้ำไปมั๊ยคะ โก๊ะน้อยของแม่

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

รหัสลับดาวินชี่

อันที่จริงเรื่องนี้ควรจะมีชื่อเรื่อง My Book, My Inspiration ตามแบบฉบับของขมมี่ แต่ที่ต้องเขียนแบบนี้เพราะมันมีที่มาที่ไปนะสิ ถ้าใครติดตามขมมี่อยู่จะรู้ว่า ช่วงนี้ขมมี่บ้าถักไหมพรม ถักโครเชต์ ถักนิตติ้งไปตามประสา ตามประสาของขมมี่ คือ เปิดหนังสือแล้วถักตามแพทเทิร์น ไม่เคยไปเรียนที่ไหน เกิดมาไม่มีใครสอน ตั้งแต่เล็กเคยเห็นแต่แม่นั่งถักโครเชต์ บางทีก็ถักนิตติ้งกับตำราเล่มเก่าๆ ปะแล้วปะอีกอยู่เล่มนึง แต่คุณนายแม่ถักได้ทุกสิ่ง ตั้งแต่กระโปรงลูกสาว ผ้าพันคอ เสื้อกั๊ก ไปจนถึงผ้าห่ม ผ้าคลุมเตียง แม่ชั้นจบแค่ ป.4 ดูจากหนังสือยังทำได้ ฉะนั้นขมมี่ก็ต้องทำได้

จัดแจงหาแพทเทิร์น หมวก เสื้อ ผ้าพันคอ เล็งเฉพาะแบบง่ายๆ สำหรับมือใหม่หัดถัก เก่งกาจแล้วค่อยแอดวานซ์กันไป แล้วขมมี่ก็ถึงกับอึ้ง เมื่อเจอแพทเทิร์นแบบนี้









โอ้แม่เจ้า นี่เขากำลังส่งรหัสลับอะไรกันอยู่เหรอคะ ขอรู้ด้วยคนจะได้มั๊ย ทำไมมันช่างซับซ้อนอะไรเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ขมมี่ถอดใจไปหลายรอบ เพราะไม่รู้จะไปหัดเรียนกะใคร แม่ก็ 80 แล้ว จะให้เขาสอน ก็พาลจะหาเรื่องทะเลาะกันเปล่าๆ จะไปเรียนตามห้าง ต้องไปเรียนสักกี่ครั้งถึงจะเป็นเนี่ย แล้วเค้าจะอยากสอนชั้นเหรอ อินี่มันรู้แต่ นิต กะ เพิร์ล ต้องสอนใหม่หมดเลยนะ



และแล้วขมมี่ก็เจอหนังสือเล่มนี้เข้า เขาสอนตั้งแต่เริ่มจับไม้ ขึ้นต้นห่วง ที่สำคัญมันมีโค้ดลับที่ขมมี่ต้องการด้วย สีสันสวยงาม น่าจะเข้าใจง่าย





ตอนซื้อมาคุณสามีถามว่า ขมถักเป็นแล้วจะซื้อมาทำไม ก็เลยเปิดโค้ดให้เค้าดูซักหน้าสองหน้า แล้วถามเค้าว่า ถ้าไม่มีเล่มนี้ แล้วจะรู้มั๊ยว่า ในแพทเทิร์นมันต้องการให้ทำอะไร


 เจอโค้ดแบบนี้เข้าไป ขมมี่ถึงกับใบ้แดกเลยสิ


 ค่อยๆ อธิบายกันทีละขั้น


 ดีนะที่เค้าใช้หลายสี ทำให้เข้าใจง่ายขึ้น


 โค้ดนี้ก็ไม่ธรรมดา



อันนี้เลิศสุด ทั้งไขว้ทั้งตีเกลียว



 คุณสามีเห็นแล้วคงอึ้ง แล้วก็บอกว่า เหมือนรหัสมอสส์เลยเนอะ


วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ต้นไม้ได้เสื้อใหม่แล้ว

ต้นไม้คงยืนหนาวอยู่หลายวันหลังจากสเว็ตเตอร์ตัวเก่งโดนคนมาฉกเอาไป เจ้าของสเว็ตเตอร์พยายามติดประกาศหา หวังจะได้คืน แต่สุดท้าย ก็เงียบหายไปกับสายลมหนาว จนเจ้าของเสื้อต้องลงมือถักให้ใหม่ แต่ไม่สวยเท่าอันก่อน คงเกรงว่าจะมีตัวแสบมาแอบเอาไปอีกนะซิ




ได้กลับมาอุ่นอีกครั้งกับสเว็ตเตอร์ตัวใหม่สีสันสดใส แม้จะตัวเล็กลง ดีใจด้วยนะจ๊ะต้นไม้

ป.ล. ขอบคุณ "เปิ้ล" ที่อุตส่าห์ฝ่าลมหนาวไปถ่ายรูปมาให้เรา

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วันแห่งการเรียนรู้

วาเลนไทน์ วันแห่งความรักที่มีความหมายสำหรับใครหลายคน แต่สำหรับขมมี่ จะวาเลนไทน์หรือวันไหนๆ ก็เหมือนๆ กัน เพราะบ้านเราไม่ค่อยให้ความสำคัญกับวันสำคัญต่างๆ ซักเท่าไหร่ ก็มีบ้างนะ ไม่ใช่จะแห้งแล้งไม่มีอะไรพิเศษเลย แต่อย่าไปคาดหวังอะไรมาก ขนาดวันเกิดตัวเองยังจำไม่ค่อยจะได้ วันครอบรอบแต่งงานเมื่อวันที่ 9 กพ.ที่ผ่านมา ครบรอบ 10 ปี พอดี นึกได้ก่อนหน้านั้นแค่วันเดียว พอบอกคุณสามี เค้าบอก 10 ปีแล้วเหรอ เราก็อืม แค่นั้น จบข่าว

แต่เมื่อวานนี้ ขมมี่ตื่นเต้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตอนเย็น ขมมี่จะพาลูกๆ ไปนั่งขายเสื้อผ้าของใช้มือสองที่ตลาดนัดในหมู่บ้านนะสิ ว่าจะๆ มานาน ในที่สุดก็จัดเตรียมข้าวของไปขาย เสื่อหนึ่งผืน อาหารและน้ำดื่มของลูก ตังค์ทอน ของพร้อมแล้ว คนพร้อมแล้ว ก็ไปกันเถอะลูก

ไปถึงจัดแจงหาที่เรียบร้อย ปูเสื้อ เทของออกจากถุงยังไม่เสร็จคนมารุมกันพรึบ คุ้ยกันใหญ่ ถามราคา ต่อราคา ตั้งใจว่าจะขายทุกอย่าง 50 บาท ยังไม่ทันจะเขียนป้ายกระดาษ หันไปดูร้านข้างๆ อุแม่เจ้า เค้าขายกันสิบยี่สิบแค่นั่นเองเหรอ เอ้า ถ้างั้นเราขาย 30 ละกัน ขายไป ต่อราคากันไป ลดราคากันไป เพลินๆ หนุกดี

ระหว่างที่ขายของอยู่นั้น ก็มีผู้หญิงสองคน เข้ามาเลือกดูของ คุยกับเราไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็เล่าให้ขมมี่ฟังว่า เมื่อก่อนเคยขายของตลาดนัด ตอนนี้เลิกขาย มีคนชวนไปทำงานบริษัทต่างชาติแถวพระรามเก้า งานดี เงินเดือนดี ปีนึงมีโบนัส 2 หน รับเฉพาะคนภายใน ไม่เปิดรับคนนอก ถ้าสนใจเค้าจะพาเข้าไปดูงาน ไอ้เราก็รู้ทั้งรู้ว่ามันคงเป็นพวกหลอกไปขายของ ก็ยังเจือกให้เบอร์โทรมันไป ก็มันอยากรู้นี่นาว่ามันจะมาไม้ไหน แล้ววันนี้มันก็โทรมาจริงๆ ค่า ทำคุยเนียนๆ ว่าวันนี้ไม่ไปขายของเหรอ แล้วก็บอกว่ากลางเดือนหน้าจะเปิดรับคน ขมมี่ก็ขอบคุณแล้วก็รีบตัดบทวางสายไป รอดูต่อไปนะว่า คราวหลังมันจะโทรมาอีกมั๊ย

เมื่อวานกลับถึงบ้านมานั่งนึกดู เราไม่น่าไปคุยกับเค้านานๆ เลย ถ้ามันเป็นแก๊งค์ป้ายยา ทำไงวะเนี่ย มากับลูกๆ ถ้ามันอุ้มลูกไปทำไง ทีหน้าทีหลังต้องระวังให้ดี ถือว่าครั้งนี้ประมาทอย่างยิ่ง

ขายของผ่านไป 2 ชั่วโมงฟ้าเริ่มมืด เด็กๆ ชักเริ่มงอแงอยากกลับบ้าน ได้รับน้ำใจจากพี่แผงข้างๆ จะให้ยืมหลอดไฟติดหน้าร้าน ขมมี่ขอบคุณเขาแต่ก็ต้องขอตัวกลับก่อน เพราะเด็กเริ่มไม่ไหวกันแล้ว กลับบ้านมาพร้อมกับเงิน 300 กว่าบาท โอเค ฟรึ้ง

บทเรียนครั้งนี้สอนให้รู้ว่า ทีหลังทำอะไรอย่าประมาท นึกว่าตัวเองรู้ทัน ดีนะที่เจอแบบซอร์ฟ ถ้าเจอเป็นแก๊งค์ตายแน่ตู และบทเรียนที่อยากจะบอกลูกๆ ว่า ลูกรู้ไหม เงินทองหายาก ใช้สอยอย่างประหยัดกันหน่อยนะจ๊ะ

วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ไม่ว่าอะไรคุณแม่ก็....ซ่อมด้าย

เมื่อวานลูกชายกลับบ้านมาพร้อมกระติกน้ำสายห้อยร่องแร่ง หูกระติกน้ำมันหักไปแล้ว ยังดีที่ช่องใส่สายที่ตัวกระติกไม่แตกไปด้วย คุณแม่สมองหวานก็ต้องจัดการแก้ไขปัญหาโดยพลัน หากไม่ต้องการเสียกะตังค์ซื้อกระติกน้ำใหม่ ก็เอาไปเย็บซะเลยซิ๊


แค่นี้เอง เสร็จละ ใช้ถนอมๆ หน่อยนะลูก


ส่วนกระติกน้ำหมีพูห์ใบก่อนหน้านี้ ก้นกระติกร้าว อย่างนี้มันยากเกินจะเยียวยานะฮ๊า

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

พับริมผ้า ไม่ต้องขีดเส้นก็ได้

การเย็บผ้า ถ้าอยากให้งานออกมาประณีต ก่อนเย็บก็ต้องมีการวัดขนาด ใช้ช็อคหรือปากกาขีดเส้นให้เป็นรอยนำทางเย็บ ถ้าเป็นริมผ้าก็ต้องพักสองทบ หรือจะเย็บโพ้งกันรุ่ยแล้วจะพับแค่ทบเดียวก็ไม่ว่ากัน การวัดขนาดริมผ้านี่ก็เสียเวลาไปไม่น้อย ลองมาดูวิธีนี้กันมั๊ย ทุ่นเวลาไปได้เหมือนกัน

สิ่งที่ต้องการคือ กระดาษแข็งตรงๆ ซักแผ่นนึง เอามาขีดเส้นห่างจากริมกระดาษ 1 ซม. จากนั้นกระเถิบเข้าไปอีก 1 ซม.ขีดอีกเส้น ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ซัก 4 -5 เส้นก็น่าจะพอ แล้วจะเอาปากกาเขียนกำกับไว้ก็ได้ เส้นแรก 1 ซม. เส้นที่ 2 ก็คือ 2 ซม. ที่จริงไม่ต้องเขียนก็ได้ วัดเองขีดเองไม่น่าจะลืม แล้วทีนี้ ไปเอาผ้าที่ต้องการเย็บมาวางทาบกับกระดาษ ถ้าต้องการพับเข้าไป 1 ซม. ก็พับเข้าไปให้ริมผ้าตรงกับเส้นแรก(ตามรูป)





อธิบายซะงง ดูรูปแล้วพอจะเข้าใจมั๊ยจ๊ะ ถ้าต้องการรอยขนาด 2 ซม. ก็พับริมผ้าให้ชนกับรอยขีดที่ 2 อะไรประมาณนี้ ไม่ยากเลยใช่มั๊ย จากนั้นก็เอาเตารีดทับ หรือจะใช้เล็บกรีดก็สุดแท้แต่





วิธีนี้น่าจะเหมาะกับผ้าที่มีขนาดเล็ก ทำหลายๆชิ้น ไม่ต้องขีดเส้นให้เสียเวลา แต่ถ้าผ้าชิ้นใหญ่ มีความยาวมากๆ ขีดเส้นเหมือนเดิมแล้วค่อยรีดจะดีกว่า เพราะจะได้เส้นที่คมเป๊ะๆ ไม่ต้องคอยกระเถิบกระดาษตามผ้า ใครชอบแบบไหนก็ลองเอาไปทำดูนะจ๊า

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ต้นไม้ก็หนาวเป็นนะ

เปิ้ล...เพื่อนที่นิวยอร์ค โพสต์รูปในเฟสบุ๊คบอกให้เพื่อนๆ ลองถักให้ไก่ที่เมืองไทยใส่บ้าง ขมมี่เคยเห็นแต่คนถักเสื้อให้หมา แมว เพิ่งจะเคยเห็นไก่ใส่สเว็ตเตอร์กันทั้งฟาร์ม แบบนี้





ตอนแรกก็แอบขำเจ้าของไก่ฟาร์มนี้ว่าทำไม๊ ช่างทำอะไรกุ๊กกิ๊ก จับไก่ใส่เสื้ออะไรอย่างเนี๊ย เปิ้ลเล่าว่า ปีนี้อากาศที่นั่นหนาวมาก คนตายไปเยอะ สัตว์ในฟาร์มก็หนาวตายเหมือนกัน เขาเลยต้องใส่เสื้อเพิ่มความอบอุ่นกันหน่อย ฟาร์มบ้านเค้าเลี้ยงสัตว์ด้วยต้นทุนสูงอย่างนี้ มิน่าเล่า ข้าวของที่นั่นถึงได้แพงหูตูบ

เปิ้ลส่งอีเมลล์มาให้อีก บอกให้เปิดดูซะ ต้นไม้พวกนี้อยู่แถวบ้าน น่ารักมั๊ย  พอเปิดดูภาพแล้ว ขมมี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว คนที่ทำสเว็ตเตอร์ให้ต้นไม้พวกนี้ช่างใส่ใจกับสิ่งที่อยู่รอบตัวเสียจริงๆ


ทั้งอบอุ่น น่ารัก และเป็นงานศิลป์ไปพร้อมๆ กัน


ขอตบมือดังๆ ให้กับคนที่ช่างคิดช่างทำอะไรแบบนี้ สุโค่ย


ล่าสุดเมื่อเช้า เปิ้ลส่งเมลล์มาอีก มีหัวจดหมายว่า "Sad " ทำไมถึง Sad ไปดูกันค่ะ





ไม่นึกเลยว่าฝรั่งจะมีพวกชอบฉกอะไรแบบนี้ด้วย คนที่เอาไปถ้าเห็นประกาศนี้แล้ว ได้แต่หวังว่าจะละอายแก่ใจรีบเอามาคืน แล้วก็หวังด้วยว่าเปิดเมลล์พรุ่งนี้จะได้ข่าวดีจากเปิ้ลนะจ๊ะ

วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ที่คาดผมแสนแพง

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว น้องกิ๊ฟมาปรึกษาว่าอยากให้พี่ขมมี่ช่วยถักหมวกให้เป็นของขวัญหลานเพิ่งคลอด มีแบบมาให้ดูเป็นรูปหนูน้อยฝรั่งสวมหมวกสีเขียวมะกอกกับกระดองเต่าสีเดียวกันเป็นเป้สวมข้างหลัง แม๊ มันช่างน่ารัก น่าเอ็นดูเสียจริง โอเค รับปากว่าจะทำให้ ไม่น่าจะยากเย็นอะไร แต่ความยากมันอยู่ที่การเสาะหาไหมพรมสีนั้นมากกว่า

ไปที่ซีคอนร้านงานฝีมือร้านนึง คาดว่ามีไหมสวยๆ หลากสี ปรากฎว่าสีที่มีก็ใกล้เคียง ก้ำกึ่ง บางอันก็อ่อนไปนิด บางอันก็แปร๋นไปหน่อย ช่างไม่มีความพอดีเอาซะเลย ก็เลยถ่ายรูป แล้วก็สอบถามราคาไว้ก่อน พลันเหลือบไปเห็นหมวกไหมพรมกะที่คาดผม น่ารักเชียว อยากถักเป็นมานานแระ ถามเค้าว่าสอนด้วยมั๊ย ได้ความว่า ถ้าซื้อสินค้าครบ 300 บาท สอนให้ฟรี โอเค เดี๋ยวกลับมาเรียนวันหลัง

กลับมาบ้านใจนึกถึงแต่หมวกกะที่คาดผม มุ่งมั่นว่ายังไงชั้นต้องถักให้ได้คอยดู๊ วันรุ่งขึ้นไม่เป็นอันทำอะไร คว้าไม้นิตติ้งที่มีทั้งหมด นั่งรถไปซีคอน เรียนมันให้รู้แล้วรู้แรดกันไป ไปถึงร้าน ไหมที่ชอบเป็นไหมนำเข้า มีให้เลือกแค่ไม่กี่สี สีสดๆ ที่มี มีสีเหลืองสีเดียวเท่านั้น เหลืองก็เหลืองวะ ใจละตั้ง 250 อันกะเปี๊ยกเดียวเอง ถ้าซื้อข้างนอกคงไม่ถึง แต่ทำไงได้ อยากให้เขาสอนนี่นา เลือกไหมได้แล้วงั้นก็เริ่มกันเลย


เริ่มต้นถักเวลาประมาณ บ่ายโมง....ถัก ถัก จด จด ไปเรื่อยๆ



เสร็จตอนสี่โมงเย็น


ลองใส่ดูก่อนนะ


ลูกสาวขอลองมั่ง


น่าร๊ากอ่ะ

โปรเจ็คต่อไป "หมวก" จะไหวมั๊ยน๊อ