วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

SweetbiRd

ห่างหายจากงานปักไปเสียนาน กลับมาลับฝีเข็มกันหน่อย เย็บกระเป๋าให้คนอื่นมามากมาย คราวนี้ขอทำของขวัญให้ตัวเองบ้าง เลือกแบบที่คิดว่าง่ายที่สุด ใช้เวลาน้อยสุด ชอบมากสุดกับผ้าชิ้นเล็กสุด ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นนกน้อยบนกิ่งไม้



นกน้อยหน้าตาน่าเอ็นดู


ได้ผ้าปักมาแล้ว เหลือแค่ประกอบร่าง รอลูกๆ หลับกันหมดแอบย่องไปเหยียบซักจักรปื้ด สองปื้ด ได้ยินเสียงนาฬิกา อุ้ย ตี 1 แล้วเหรอนี่  เสร็จแล้ว นอนได้ พรุ่งนี้รีดซักหน่อย แล้วมารอชมผลงาน



ใบนี้ไม่ขาย ถูกใจที่สุด

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

บ้านเราเหรอเนี่ย

กลับจากชลบุรี มาเห็นสภาพบ้านที่จมน้ำอยู่นาน 13 วัน โอ้ แม่เจ้า มันช่างเหม็นสวดยวดอะไรเช่นนี้
กลิ่นเตะจมูกเหมือนกับไปอยู่ในปลักโคลนกับเจ้าทุย สภาพถนนหน้าบ้านแต่ละหลังยังกะหมู่บ้านร้าง
(ก็ยังร้างจริงๆ นี่นา เมื่อวันที่ 23 พย. มีบ้านที่กลับมาแล้วแค่ 4-5 หลังเท่านั้นเอง)

เชิญชมภาพระทึกใจกันได้เลย

ใบไม้ท่วมทุกหนแห่ง


คุณน้ำทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า


ตู้รองเท้าใบโปรดของช้าน..แง้ๆ


มี..คราย..อยู่..ม้าย..คร้า


แหล่มอยู่บ้านเดียว บ้านอื่นยังไม่มา


ลัดดาแลนด์


วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจ

ระหว่างไปพักพิงหนีน้ำท่วม ขมมี่หาทางขอบคุณเจ้าบ้านหลากหลายวิธี หนึ่งในนั้นคือทำงานฝีมือให้
น้องซันดร้า ถักชุดให้น้องตุ๊กตาเสร็จไปแล้ว 2 ตัว แล้วก็เกิดอาการเบื่อเลยหันมาถักกระเป๋า เลือกแบบง่ายๆ จะได้เสร็จเร็วๆ โดยใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ทั้งหมด คือ เข็มโครเชต์ 1 อันกับไหมพรม 3 สี เดิมเดิม


พอพี่ตั้วส่งสัญญาณมาบอกว่าน้ำลดแล้ว ต้องเร่งมือทำกระเป๋าให้เสร็จทันก่อนกลับบ้าน และแล้วก็เสร็จทันเวลาพอดี แถ่น แทน แท้น.......

3 สี สลับไปมา ก็โอนะ


ท่าทางซันดร้าจะชอบ เห็นเอาขึ้นบ้านไปนอนด้วยเลยนะเนี่ย

ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งตลอด 13 วันที่ผ่านมา

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

แก้เหงา

นั่งๆ นอนๆ ดูทีวี ทั้งวัน แลดูไร้ค่ายังไงชอบกล หาอะไรทำแก้เซ็งดีก่า สืบเนื่องจากครั้งที่แล้ว ทำชุดตุ๊กตาให้น้องซันดร้าเสร็จไปชุดนึง ยังมีน้องตุ๊กตานอนรอเสื้อผ้าอีกหลายตัว คราวนี้เป็นคิวของสาวผมทองจ้า

น้องซันดร้ารีเควสชุดโชว์ดือ


ประชันความสวย...สองสาวกินกันไม่ลงจริงๆ

ยังมีน้องบาร์บี้นอนรอชุดใหม่อยู่อีก 2-3 ตัว แต่ตอนนี้เบื่อถักชุดตุ๊กตาละ ขอถักกระเป๋าก่อน เสร็จแล้วจะกลับมาถักให้ใหม่นะจ๊ะ

วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วันที่ 7 ของการเป็นผู้ประสบภัย

วันที่ 7 ของการเป็นผู้ประสพภัย ยังอยู่ที่ชลบุรี พิกัดอยู่ในหมู่บ้านเงียบๆ ห่างไกลจากทะเลลิบลับ ไม่ใช่การมาพักผ่อน แต่คือการมาพักพิงอย่างแท้จริง วันแรกๆ ของการอยู่ที่นี่ เด็กๆ อยากกลับบ้านเพราะเบื่อมาก อยู่ในสถานที่ไม่คุ้นเคย ไม่มีพ่อ ไม่มีของเล่น น้องลินตายังสนุกกับการเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ และของเล่นแบบสาวๆ ของเจ้าบ้าน แต่พอหันไปเห็นน้องอะตอม สงสารจับใจ นั่งเล่นบาร์บี้กับสาวๆ ทนได้สักพักก็ต้องขอตัวปลีกวิเวกมาดูอยู่ใกล้ๆ จนต้องขอให้พ่อพี่ตั้วลุยน้ำหอบตุ๊กตาอุลตร้าแมนกับแผ่นซีดีการ์ตูนที่บ้านมาให้ลูกซะหน่อย

มาถึงก็ยืมคอมฯพี่ซันดร้า พยายามเมลล์หาคุณพ่อ


สาวๆ หนุกหนานกับการแต่งตัวตุ๊กตา


น่าสงสารลูกชายเป็นที่สุด ไม่มีของเล่นก็ต้องทนเล่นตุ๊กตาด้วยพักนึง ในที่สุดก็ทนม่ายหวาย


ได้มาเจอพ่อแป๊บนึง ดีใจสุดๆ

ลูกสาวได้เจอพ่อ เยี่ยมคร่า

ได้ว่ายน้ำผ่อนคลาย ผู้ประสบภัยแลดูซูบไปมั๊ยคะ

ส่วนแม่ขมมี่ มาพร้อมไหมพรม 3 ใจ และเข็มโครเชต์หนึ่งด้าม ไว้ถักแก้เบื่อยามว่าง หันไปเห็นตุ๊กตาบาร์บี้ของน้องซันดร้า โป๊เปลือยทั้ง 5  ตัว จัดการถักชุดให้ซักหน่อย เด็กๆ จะได้เล่นแต่งตัวตุ๊กตากัน โปรเจคต่อไปกระเป๋าหิ้วให้สาวๆ

อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น

ระหว่างเป็นผู้ประสบภัยได้พบสัจธรรมที่มากับน้ำท่วม

เพื่อน คือ คนที่หยิบยื่นน้ำใจมาให้เรา แม้เราจะยังไม่ได้ขอความช่วยเหลือ
บ้าน แม้จะเล็ก คับแคบ อย่างกับรูหนู แต่เมื่อเราต้องจากมาไกล คิดถึงไออุ่นในรูเล็กๆ คับแคบนั้นเหลือเกิน

วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เมื่อคุณน้ำมาทักทายถึงบ้าน

หลังจากเฝ้ารอด้วยใจจดจ่อมานานแรมเดือน ในที่สุดคุณน้ำ พี่น้ำ หรือน้องน้ำที่ใครๆ ต่างพูดถึง ก็มาเยือนบ้านเราโดยมิได้เชื้อเชิญ  ขมมี่เปิดประตูรับน้องน้ำด้วยความเต็มใจไม่ต้องมีน้องทรายหรือน้องวีว่าไปรอต้อนรับเป็นปราการด่านแรก ด้วยหวังว่าน้องน้ำจะรีบไปรีบกลับ

ทั้งๆ ที่เตรียมทำใจมานานร่วมเดือนว่ายังไงซะ น้ำต้องมาแน่ แต่พอถึงเวลามาจริงๆ อดใจหายไม่ได้ เห็นสีน้ำแล้วอดคิดไม่ได้ว่า เธอคงผ่านอะไรมาเยอะ เดินทางมาหลายจังหวัด ตรากตรำกรำแดดซะจนดำปิ๊ดปี๋เลย แล้วบ้านตรูจะเละเทะแค่ไหนน๊า จะต้องเสียตังค์ซ่อมบ้านอีกเท่าไหร่เฮอะเนี่ย เมื่อแขกมาเยือน ก็ต้องยิ้มทักทายกันหน่อย


น้ำมาจ่อหน้าประตูบ้านแร้ว ต้องรีบอพยพก่อนจะสายเกินไป ลูกๆ ตื่นเต้นกันใหญ่นึกว่าได้ไปเที่ยว แต่เป็นการไปเที่ยวที่ไม่มีคุณพ่อ มันจะสนุกอะรั๊ย ได้เพื่อนบ้านแสนน่ารักช่วยพาเราออกมา แถมยังพามาส่งถึงที่หมาย.......ชลบุรี (แต๊งกิ้วนะคะคุณโต๊ะ คุณโส่ย และน้องนีน่า) จากนี้ไปเราต้องใช้ชีวิตแบบผู้ประสบภัยกันแล้วนะจ๊ะเด็กๆ

ค่ำคืนวันลอยกระทงที่เด็กๆ รอคอย แต่กลับต้องจากบ้านมาไกล ยังไม่ทันจะพ้นวัน เด็กๆ โอดครวญอยากกลับบ้าน ต้องหาทางปลอบขวัญด้วยการพาไปลอยกระทงในหมู่บ้านซะหน่อย



ผู้ประสพภัยตัวน้อยอยากลอยกระทง


อธิฐานซิจ๊ะลูก ขอให้คุณแม่คงคารีบพาพี่น้ำกลับบ้านไวไว หนูๆ คิดถึงบ้าน อยากกลับบ้านแล้วคร่า

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ในเวลาที่รอน้ำท่วม เรามาปั้นแป้งกันดีก่า

ตอนนี้กรุงเทพหลายเขตจมสู่ใต้น้ำเป็นเมืองบาดาลไปเรียบร้อยแล้ว บ้านเรายังไม่ท่วมแต่อยู่ในภาวะเฝ้าระวัง ขมมี่เตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง พร้อมกับจัดกระเป๋ารอ เตรียมมูฟได้ทุกเมื่อ เด็กในกรุงเทพต้องเลื่อนวันเปิดเทอมออกไปจากวันที่ 1 พย. เป็นวันที่ 7 แล้วก็เลื่อนออกไปอีกเป็นวันที่ 15  เด็กๆ ที่บ้านเฮกันใหญ่ ไม่ต้องไปโรงเรียน หารู้ไม่ว่าแม่ทั้งเก็บของหนีน้ำ ต้องเลี้ยงลูก มันเหนื่อยแค่ไหน ก็เด็กนี่นา จะไปเอาอะไรกับเค้า คุณแม่ก็ต้องมีหน้าที่หากิจกรรมต่างๆ มาเอ็นเตอร์เทนลูก เข้าจายม๊าย

ช่วงปิดเทอมคุณแม่จัดไปหลายมุขแล้ว ทั้งต่อเลโก้ วาดภาพระบายสี ต่อรางรถไฟโทมัส เล่นต่อบ้าน วันนี้เรามาปั้นแป้งโดว์กันดีกว่านะลูก สิ่งที่คุณแม่ต้องเตรียมหาซื้อมีดังนี้ค่ะ



1) แป้งสาลีอเนกประสงค์ 3 ถ้วย
2) เกลือป่นอย่างละเอียด 1 ถ้วย (ที่เห็นในภาพใช้ประมาณครึ่งถุงเลยค่ะ)
3) ครีม ออฟ ทาร์ทาร์ 3 ช้อนโต๊ะ (ชื่อเป็นครีม แต่ของจริงเป็นผงนะคะ หาซื้อได้ตามร้านอุปกรณ์ทำขนม ขวดละประมาณ 35 บาทค่ะ)
4) น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ (อันนี้คงไม่ต้องซื้อ น่าจะมีติดครัวกันทุกบ้าน)
5) สีผสมอาหาร (ซื้อซองเล็กๆ มาก็พอ ใช้นี๊ดส์เดียว ซองละ 6 บาทค่ะ)
6) กลิ่นผสมอาหาร (ไม่มีในรูปนี้ค่ะ เติมซักนิดก็ดีนะคะ เผื่อไม่ชอบกลิ่นแป๊งแป้ง ตอนยังไม่ใส่ กลิ่นเหมือนขนมเข่งมากๆ )
7) น้ำเปล่า 2 ถ้วยครึ่ง

ของพร้อมแล้ว เริ่มเลยนะ

เอาแป้งสาลี ผสมเกลือ ครีมออฟทาร์ทาร์ คนให้เข้ากันแล้วเติมน้ำ เริ่มกวนแป้งให้แตก ไม่จับเป็นก้อนๆ ตอนแรกขมมี่ใช้มือขยำๆ บี้ๆ เลยค่ะ กลัวแป้งไม่แตก พอแป้งละลายไม่เป็นก้อนค่อยล้างมือ มาเอาพายคนให้สวยงามอย่างงี้ เหะๆ


ขวดเล็กๆ ที่เห็นวางอยู่ข้างอ่าง คือกลิ่นผสมอาหารนะคะ เติมไปตอนนี้เลยค่ะ พร้อมกับน้ำมันพืช คนให้เข้ากันซักหน่อยเราจะยกขึ้นตั้งเตาแล้วค่ะ

เตรียมกระทะ เปิดไฟอ่อนๆ คนไปเรื่อยๆ นะคะอย่าหยุด เดี๋ยวไหม้ ตอนแรกยังดูเหลวๆ (แอบนึกในใจ จะได้แป้งโดว์มั๊ยน๊อ ตรู) คนไปซักพักเริ่มหนืดแล้วค่ะ แปลว่าเรามาถูกทางแล้ว คนจนเป็นสีเหลืองนวลเท่าๆ กัน ปิดไฟยกลงได้ หน้าตาจะเป็นอย่างที่เห็นนี่เลยค่ะ


ใกล้ความจริงเข้ามาทุกทีแล้วนะ จากสภาพที่เห็นเราต้องนวดแป้งให้เนื้อเนียนเข้ากัน ตอนแรกเด็กๆ ทำคึกอยากช่วยนวด นวดไปไม่กี่ทีเริ่มบ่นไม่หนุกเลย แม่ทำเองเหอะ แป่ว นวดให้ได้แบบนี้นะคะ



จากนั้นแบ่งเป็นก้อนเล็กๆ จะทำกี่สีก็แบ่งเท่านั้นก้อน ผสมสีใส่ถ้วยเล็กๆ เตรียมไว้ แผ่แป้งให้เป็นเหมือนชาม หยอดสีลงไปตรงกลาง ห่อแป้งแล้วก็นวดให้สีเนียนเข้ากัน ขั้นตอนนี้ไม่ได้ถ่ายรูปให้ดูนะ เละเทะมาก ค่อยๆ ทำทีละสี เสร็จแล้วก็มาสนุกกับแป้งโดว์กันเถอะ